ทัวร์ จอร์แดน

จอร์แดน หรือ ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน (Hashemite Kingdom of Jordan) ประเทศเล็ก ๆ แถบตะวันออกกลางที่ไม่ธรรมดา ประเทศจอร์แดนเป็นอีกหนึ่งจุดกมายปลายทางที่คนไทยนิยมดูได้จากการรีวิว ทัวร์ จอร์แดน และยังเป็นดินแดนมหัศจรรย์ดินแดนหนึ่ง ขึ้นชื่อด้านสถาปัยกรรม อารยธรรมโบราณ และธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น นครเพตรา (Petra) สิ่งปลูกสร้างสุดอลังการ ได้รับลงทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2528 และได้รับคัดเลือก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ในปี 2550 ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาวาดี มูซา หรือหุบเขาโมเสส มีอายุมากกว่า 2,000 ปี สร้างขึ้นโดย ชาวนาบาเธียน (Nabataeans)ชนเผ่าเร่ร่อน ได้เริ่มลงหลักปักฐาน สร้างที่พักอาศัย และเริ่มสกัดหินผาเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) เป็นทะเลที่ไม่มีวันจม เพราะมีความเค็มที่สุดในโลก อยู่ตรงเขตแดนของประเทศจอร์แดน อิสราเอล และรัฐปาเลสไตน์ มีจุดเด่น คือทุกคนสามารถลอยน้ำได้โดยไม่ต้องใส่เสื้อชูชีพ หรือไม่จำเป็นต้องว่ายน้ำเป็น เพราะทะเลสาบเดดซีมีความหนาแน่นและความเข้มข้นของเกลือสูง จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum) หรือหุบเขาแห่งพระจันทร์ (Valley of the Moon) อยู่ทางตอนใต้ของจอร์แดน และเป็นหนึ่งในทะเลทรายที่สวยที่สุดในโลก วิวทะเลทรายสีเหลืองทองสุดลุกหูลุกตา สลับกับหน้าผาสูงชันที่มีภาพแกะสลักจากฝีมือชาวนาบาเทียนแท้ๆ จนได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้ทะเลทรายวาดิรัมเป็นมรดกโลกในปี 2011 เมื่อได้เห็นหลายคนคงจะคุ้นตากันบ้าง เพราะทะเลทรายแห่งนี้เป็นหนึ่งในฉากของภาพยนตร์เรื่อง อะลาดิน และอีกหลาย ๆ เรื่อง ทะเลทรายวาดิรัมจะมีลักษณะไม่เป็นแบบที่เราคุ้นเคยมากนัก เนื่องจากจะมีหินจำนวนมากนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการปีนเขาจึงมักจะมาปีนหน้าผาหินกันที่นี่ เมื่อเดินทางมาที่นี่สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือ  การนั่งรถโฟร์วิลล์ เพื่อสัมผัสถึงความเป็น ทะเลทราย อย่างแท้จริง ซึ่งจะได้รับความรู้สึกที่เหมือนหลุดไปอยู่บนดาวอังคารหากใครต้องการดื่มดำกับบรรยากาศที่นี่ยังมีที่พักให้ทุกคนได้ นอนชมดาวท่ามกลางทะเลทรายเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ทะเลทราย วาดิรัม ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อทหารชาวอังกฤษ T.E. Lawrence มาสร้างพันธ์มิตรกับชาวเผ่าทะเลทรายในแถบนี้ เพื่อสู้กับตุรกี โดยใช้ทะเลทรายแห่งนี้เป็นฐานบัญชาการการสู้รบ ทำให้ทะเลทรายวาดีรัมมีอนุสรณ์ระลึกถึง Lawrence อยู่หลายจุด ยอดเขาเนโบ (Mount Nebo) เชื่อกันว่าเป็นหลุมฝังศพของโมเสส จึงก่อสร้างโบสถ์ พิพิธภัณฑ์ หินแกะสลักขนาดใหญ่หรือ Kuffer Abu Badd เพื่อเปิดปิดถ้ำยุคไบเซนไทน์ และจำลองไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์คู่กายของโมเสส ไว้จุดสูงสุดของยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิวแบบพานอรามา มองได้ไกลสุดลุกหูลุกตา