จอร์เจีย ขึ้นชื่อว่าเป็น ดินแดนแห่งมรดกโลกอันเก่าแก่ ถูกเรียกว่า “ดินแดน 2 ทวีป” เพราะตั้งอยู่สุดขอบทวีปเอเชีย และติดกับทวีปยุโรป ทำให้วัฒนธรรมของจอร์เจียมีการผสมผสานวัฒนธรรมของทั้งเอเชีย และยุโรป มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี อดีตเคยเป็นสาธารณรัฐหนึ่งของสหภาพโซเวียต แต่ปัจจุบันได้แยกตัวออกมาเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่โดดเด่นของจอร์เจีย นอกจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานแล้ว จอร์เจียยังมีสถาปัตยกรรมต่าง ๆ และธรรมชาติที่สวยงาม ที่หลายคบอกว่า ไม่แพ้สวิสแลนด์เลย แถบค่าครองชีพถูก จ่ายไม่แพงเหมือนไปเที่ยวยุโรป จอร์เจียจึงเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่มีงบไม่มาก แต่อยากสัมผัสธรรมชาติ และวัฒนธรรม ที่มีความเป็นยุโรปผสมผสานอยู่ การเดินทางไปจอร์เจียนั้น ไม่ยาก มีสายการบินหลายสายการบิน ที่เปิดเส้นทาง กรุงเทพ – ทบิลิซี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 – 12 ชั่วโมง (แล้วแต่เที่ยวบินที่เลือก) แถมเที่ยวได้ตลอดทั้งปี จอร์เจีย เป็นอีกประเทศหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่ก่อนจะเดินทางเรามาทำความรู้จักกับ ข้อมูลของจอร์เจีย กันดีกว่าว่า ไปจอร์เจียช่วงไหนดี? ถึงจะเที่ยวได้อย่างไร้กังวล แล้ว จอร์เจียเที่ยวที่ไหนดี มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ไปจอร์เจียช่วงไหนดี?
จอร์เจีย เป็นประเทศที่มีภูมิประเทศหลายรูปแบบ ทั้งเทือกเขาสูง หุบเขา ชายฝั่ง จริง ๆ สามารถเที่ยวได้ทั้งปี เพราะแต่ละเมืองมีความโดด่นต่างกันในแต่ละฤดูกาล บางเมืองเหมาะกับฤดูหนาว บางเมืองเหมาะกับฤดูร้อน หากถามว่าช่วงไหนที่คนเดินทางไปเที่ยวเยอะสุดแล้วละก็ จะเป็นช่วง ฤดู ใบไม้ร่วง ระหว่าง เดือนกันยายน ถึง เดือนพฤศจิกายน เพราะอากาศกำลังดี
ฤดูกาลของจอร์เจียแบ่งออกเป็น 4 ฤดู ดังนี้
ฤดู ใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม ถึง เดือนพฤษภาคม อุณหภูมิ 10 ถึง 24 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่ดอกไม้ ต้นไม้ ในป่าเขาต่างผลิดอกบานสะพรั่ง
ฤดู ร้อน เดือนมิถุนายน ถึง เดือนสิงหาคม อุณหภูมิ 16 ถึง 31 องศาซิลเซียส ช่วงฤดูร้อนของจอร์เจียนั้น อากาศค่อนข้างร้อน เหมาะสำหรับการไปเที่ยวชมความเขียวขจีของธรรมชาติทั้งภูเขา ทุ่งดอกไม้ ทุ่งหญ้า และเดินป่า
ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน ถึง เดือนพฤศจิกายน อุณหภูมิ 4 ถึง 20 องศาเซลเซียส ใบไม้ร่วงก็เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยว เพราะอากาศเย็นสบายกำลังดี บรรยากาศก็สวยงาม ด้วยใบไม้เปลี่ยนสีตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วเมือง
ฤดูหนาว เดือนธันวาคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิ -3 ถึง 8 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่หนาวสุด ๆ ของประเทศ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการชมอลังการของ เทือกเขาคอเคซัส
การเตรียมตัวเดินทางไปประเทศจอร์เจีย
- ความแตกต่างของเวลา
เวลาท้องถิ่นจอร์เจีย ช้ากว่าเวลาใน ประเทศไทย 3 ชั่วโมง
- ไฟฟ้าในจอร์เจีย
จอร์เจียใช้แรงดันไฟฟ้า 220V และ 50Hz ปลั๊กที่ใช้ในประเทศจอร์เจียมีปลั๊กสองประเภท คือ ประเภท C และ F ปลั๊กประเภท C คือปลั๊กที่มีหมุดกลมสองขา และปลั๊กชนิด F คือปลั๊กที่มีหมุดกลมสองขาพร้อมคลิปสายดินสองอันที่ด้านข้าง
- การติดต่อสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ และอินเตอร์เน็ต
สามารถเปิดบริการ International Roaming จากประเทศไทยได้ หรือเลือกซื้อ Internet sim ได้ตามร้านสะดวกซื้อ ราคาเริ่มต้น 1 GEL
หากจะโทรศัพท์มาประเทศไทยด้วยโทรศัพท์กด 00 + 66 + รหัสเมือง + หมายเลขที่ต้องการ
หากจะโทรศัพท์จากประเทศไทยสู่ประเทศจอร์เจียต์กด 00 + 995 + รหัสเมือง + หมายเลขที่ต้องการ
- การแลกเงิน
สกุลเงินของประเทศจอร์เจียนั้น เรียกว่า จอร์เจียน ลารี (Georgian Lari: GEL) ซึ่งในปัจจุบัน ยังไม่สามารถแลกในประเทศไทยได้ จึงต้องแลกเป็น United States Dollar (USD) หรือ Euro (EUR) ไปก่อน แล้วจึงไปแลกเป็น Georgian Lari (GEL) ได้ที่สนามบินประเทศจอร์เจีย หรือตามร้านรับแลกต่าง ๆ
- ข้อควรรู้ก่อนเดินทางไปจอร์เจีย
- คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถท่องเที่ยวได้นานถึง 1 ปี หรือ 365 วัน
- อาหารของชาวจอร์เจียมีส่วนผสมหลักเป็น ชีส แป้ง แตงกวา มะเขือเทศ รสชาติเด่นไปในรสเค็มจากชีส และเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ
เลม่อนเนต (Lemonade) ชนิดต่าง ๆ - ภาษาที่ชาวจอร์เจียใช้สื่อสารเป็นภาษาหลักคือ จอร์เจีย และ รัสเซีย (สำหรับภาษาอังกฤษใช้สื่อสารได้บ้าง ในบางสถานที่)
- ปัจจุบันยังไม่มีสายการบิน ที่บินตรงจากกรุงเทพ สู่ จอร์เจีย
- คนจอร์เจียจะเริ่มงานประมาณ 10.00 น. ดังนั้นร้านอาหารต่าง ๆ จึงเริ่มเปิดให้บริการในเวลา 10.00 น.
- ค่าครองชีพที่จอร์เจีย พอ ๆ กับประเทศไทย
- ควรเตรียมยารักษาโรคประจำตัว ไปให้พร้อม
- หากต้องการเช่ารถ ควรศึกษาเส้นทางดี ๆ เนื่องจากบางเส้นทางขรุขระ หรือ เป็นภูเขาสูงชัน
- คนจอร์เจียส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริส
- หากเดินทางไป เมืองทบิลิซี (Tbilisi) ไม่ควรพลาด Sulfur Baht
อนุสาวรีย์มิตรภาพรัสเซีย – จอร์เจีย (Russia Georgia Friendship Monument)
โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church)