ดูไบ
ดูไบ (Dubai) เป็นเมืองใหญ่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (The United Arab Emirates) ดูไบ ถือได้ว่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งบนโลก และมีอัตราการเจริญเติบโตของเมืองสูงมาก เป็นเมืองแห่งความศิวิไลซ์ เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่อลังการมากมาย ปัจจุบัน ดูไบ กลายเป็นตัวอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ที่ผันแปรจากดินแดนทะเลทรายมาสู่ความมั่งคั่งในการค้า บริการ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และศูนย์กลางธุรกิจ ไม่ใช่แค่การค้าน้ำมันเหมือนสมัยก่อน และกำลังจะกลายเป็น มหานครโลก แบบเดียวกับฮ่องกง และสิงคโปร์ สถานที่ท่องเที่ยวในดูไบ เบิร์จคาลิฟา ( BURJ KHALIFA) ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลก ตั้งแต่เปิดใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ. 2009 เป็นสิ่งก่อสร้างที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งด้านสถาปัตยกรรม และแหล่งท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล นอกจากโครงสร้างภายนอกอาคารที่สร้างสถิติใหม่หลายอย่างแล้ว พื้นที่ภายในก็อลังการไม่แพ้กัน เพราะได้รับการออกแบบโดย จอร์โจ อาร์มานี (Giorgio Armani) นักออกแบบชื่อดังชาวอิตาลี แบ่งเป็นโรงแรม 5 ดาว สำนักงาน สระน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ จุดชมวิว รวม 163 ชั้น และยอดบนสุดของอาคารยังติดตั้งเสาอากาศสื่อสารของเจ้าหน้าที่ราชการในเมืองดูไบ หมู่เกาะต้นปาล์ม (Palm Islands) เป็นโครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซีย โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม และล้อมรอบด้วยเสี้ยววงกลม โดยพื้นที่จะมีการจัดเป็นที่อยู่อาศัย และรีสอร์ท ในโครงการจะมีการสร้างทั้งหมด 3 เกาะ ได้แก่ ปาล์ม Jumeirah, ปาล์ม Deira และ ปาล์ม Jebel Ali สวนน้ำไวลด์ วาดี (Wild Wadi Water Park) สวนน้ำสุดล้ำที่ใหญ่ที่สุดในดูไบ มีเครื่องเล่นร่วม 30 ชนิด เปิดให้บริการตั้งแต่ 10 โมงเช้า – 4 ทุ่ม มีส่วนของลานเล่นกระดานโต้คลื่นจำลอง สระน้ำอุ่น สระน้ำเย็น และทะเลคลื่นเทียม จุดเด่นของที่นี่คือสไลเดอร์ที่ยาว และสูงที่สุดในโลก พิพิธภัณฑ์ดูไบ (Dubai Museum) แหล่งรวบรวมประติมากรรม งานศิลป์ ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ เกี่ยวกับโลกอาหรับที่ใหญ่ และมีเนื้อหาครอบคลุมที่สุด ตัวพิพิธภัณฑ์ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า ภายในมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามานำเสนอเรื่องราวน่าสนใจของชาวอาหรับให้กับผู้เข้าชมได้อย่างลงตัว เบิร์จอัลอาหรับ ( Burj al-Arab) โรงแรมที่หรูที่สุดในโลก 7 ดาว มีความสูง 321 เมตร หรือ 1,050 ฟุต สูงเป็นอันดับ 32 ของโลก ตัวอาคารเลียนแบบมาจากใบเรือ dhow ซึ่งเป็นยานพาหนะชนิดหนึ่งของชาวอาหรับ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก โดยราคาค่าที่พักอยู่เริ่มต้นที่ 1,000 USD – 15,000 USD ต่อคืน และห้องที่แพงสุดจะอยู่ที่ราคา 28,000 USD ต่อคืน ออกแบบโดยสถาปนิก ทอม ไรต์ จากสำนักงานสถาปนิก แอตกินส์ สำนักงานจากอังกฤษ
สร้างสรรค์โปรแกรมการเดินทางด้
วยประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว กว่า 25 ปี
โปรแกรมการเดินทาง และโรงแรมสามารถปรับเปลี่ยนได้
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates) เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในภูมิภาค และอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้าในการ พัฒนาเศรษฐกิจมากที่สุดของโลก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นจุดกึ่งกลางของวัฒนธรรมตะวันออกกลาง และวัฒนธรรมตะวันตก มีเมืองท่องเที่ยวคือ ดูไบ (Dubai) เมืองที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลทราย และมีจุดขายของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เป็นนครใหญ่ที่สุดของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ใครได้ไปเยือนนครจะรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งอนาคต เพราะที่นี่เป็นเมืองหรูหราระดับโลก เป็นเมืองแห่งความเป็นที่สุดของโลก และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่นักเดินทางต่างปักหมุด เป็นจุดหมายปลายทางในฝัน ปัจจุบันคนไทยเดินทางไปดูไบได้สะดวกมาก เพราะมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่ ดูไบเลย โดยสายการบินเอมิเรตส์ สายการบินประจำชาติของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates) ถึงแม้จะยังต้องขอวีซ่า แต่การขอวีซ่าก็ไม่ได้ยุ่งยาก และเอกสารไม่เยอะ เหมาะกับการไปเที่ยวพักผ่อนสุด ๆ
ข้อมูลทั่วไปของประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates)
- สถานที่ตั้ง: ตั้งอยู่ในภูมิภาค ตะวันออกกลาง มีพื้นที่ประมาณ 90,559 ตารางกิโลเมตร
ทิศเหนือ ติดกับ ทะเลอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) หรืออ่าวอาหรับ
ทิศตะวันออก ติดกับ โอมาน (Oman) และอ่าวเปอร์เซีย บริเวณใกล้ช่องแคบฮอร์มุซ (Hormuz) และบริเวณอ่าวโอมาน (Gulf of Oman)
ทิศใต้ และตะวันตกติด กับโอมาน (Oman) และซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabia) - เมืองหลวง: กรุงอาบูดาบี (Abu Dhabi)
- ภาษาราชการ: ภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการ ภาษาอังกฤษมีการใช้อย่างกว้างขวาง และภาษาฟาร์ซี (Farsi) มีการใช้ระหว่างชาวอิหร่านที่พำนักอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- ศาสนา: ชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาอิสลาม
- สกุลเงิน: ดีแรห์ม (Dirham) มีตัวย่อภาษาอังกฤษสองแบบ คือ AED และ DHS
- การปกครอง: :สหพันธรัฐ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
- การแบ่งเขตการปกครอง: ประกอบด้วยรัฐ 7 รัฐ
อาบูดาบี (Abu Dhabi)
ดูไบ (Dubai) เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจ
ชาร์จาห์ (Sharjah)
อัจมาน (Ajman)
ราสอัลไคมาห์ (Ras al-Khaimah)
ฟูไจราห์ (Fujairah)
อุมม์ อัล ไคเวน (Umm al-Qaiwain) - ภูมิอากาศ: พื้นที่ส่วนใหญ่มีสภาพอากาศแห้งแล้ง แบบทะเลทรายเวลากลางวัน อากาศร้อนจัด ส่วนกลางคืน
อากาศเย็น - ฤดูกาล: แบ่งออกเป็น 2 ฤดู ดังนี้
ฤดูร้อน เดือนพฤษภาคม ถึง เดือนกันยายน อุณหภูมิประมาณ 32 – 48 องศา เซลเซียส อากาศร้อนจัด และความชื้นสูง
ฤดูฤดูหนาว เดือนตุลาคม ถึง เดือนเมษายน อุณหภูมิเฉลี่ย 15 – 30 องศา เซลเซียส เป็นฤดูหนาวซึ่งอากาศไม่หนาวมากนัก - วันหยุดราชการ: วันเสาร์ และ วันอาทิตย์
- เวลา: ช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง
ทำวีซ่ายากไหม?
การทำวีซ่าเข้าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นั้นไม่ยากอย่างที่คิด และเอกสารก็ไม่ยุ่งยาก
การขอวีซ่าเข้าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มี 2 แบบ คือแบบใช้เดินทางเข้า-ออกครั้งเดียว และเดินทางเข้า-ออกหลายครั้ง
อาหารที่ดูไบเป็นยังไงบ้าง?
เนื่องจากคนดูไบส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม อาหารที่ดูไบจะเป็นสไตล์อาหรับเน้นปิ้งย่าง และไม่มีส่วนประกอบของหมู
ไปดูไบช่วงไหนดี?
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีเพียง 2 ฤดูการช่วงที่เป็นเทศกาลท่องเที่ยวคือช่วง เดือนตุลาคม ถึง เดือนเมษายน อุณหภูมิเฉลี่ย 15 – 30 องศา เซลเซียส เป็นฤดูหนาวซึ่งอากาศไม่หนาวมากนัก