จอร์แดน หรือ ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน (Hashemite Kingdom of Jordan) ประเทศเล็ก ๆ แถบตะวันออกกลางที่ไม่ธรรมดา เป็นดินแดนมหัศจรรย์ดินแดนหนึ่ง ขึ้นชื่อด้านสถาปัยกรรม อารยธรรมโบราณ และธรรมชาติที่สวยงาม การเดินทางมา จอร์แดน ก็ไม่ได้ยากอย่างที่หลาย ๆ คนคิด สายการบิน รอยัล จอร์แดน (Royal Jordanian Airline) สายการบินประจำชาติของจอร์แดน มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ (BKK) สู่กรุงอัมมาน (AMM) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 – 9 ชั่วโมง แถมไม่ต้องยุ่งยากในการขอวีซ่าด้วย เพราะคนไทยสามารถยื่นขอ Visa On Arrival (VOA) ที่จอร์แดนได้เลย ค่าธรรมเนียม จะอยู่ที่ 40 JOD หรือประมาณ 56 USD เอ้ แต่ไปจอร์แดนต้องไปเที่ยวไหนบ้าง วันนี้จะพามาดู สุดยอดไฮไลค์จอร์แดน

5 สุดยอดไฮไลค์จอร์แดน

• นครเพตรา (Petra)

นครเพตรา มหานครศิลาทรายสีชมพู หรือ Red Road City เมืองมรดกโลก ที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาทั้งลูก นครสาบสูญอายุสองพันปีของชนเผ่านาบาเทียนที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา ได้รับลงทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อนี้ พ.ศ. 2528 ได้อธิบายไว้ว่า “เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ” และเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 นครเพตราได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนเสียงจากทั่วโลก

• วาดิ รัม (Wadi Rum)

วาดิ รัม (Wadi Rum) หรือทะเลทรายสีแดง ทะเลทรายทางตอนใต้ของจอร์แดน มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่า 720 ตารากิโลเมตร เต็มไปด้วยหินทราย และหินแกรนิค สลับกับเนินทราย มีจุดเด่นด้านทัศนียภาพที่สวยงามของหินผา เป็นทะเลทรายที่มีความแปลกตา เพราะเป็นทะเลทรายสลับกับหุบผาขนาดใหญ่ วาดิรัมเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในจอร์แดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินและปีนเขา ในปัจจุบันนั้น ทะเลทรายวาดี รัม ก็ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในประเทศจอร์แดนเลย มาดู สิ่งที่ห้ามพลาดหากไปวาดิรัม ทะเลทรายวาดิ รัม (Wadi Rum) มาเป็นที่รู้จักใน สงครามอาหรับรีโวลท์ (Arab Revolt) ระหว่างปีค.ศ. 1914 – 1918 ซึ่งเป็นสมรภูมิระหว่างกองทัพของเจ้าชายไฟซาลผู้นำของชาวอาหรับ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหราชอาณาจักรนำโดย นายทหารชาวอังกฤษที่ชื่อว่า ที อี ลอว์เรนซ์ (T.E.Lawrence) เพื่อร่วมกันขับไล่พวกออตโตมาน (Ottoman Empire) ที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดน ได้มาโด่งดังในโลกภาพยนต์ เนื่องจากถูกใช้เป็นสถานที่จริงในการถ่ายทำภาพยนตร์ต่อมาอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะ ภาพยนตร์เรื่อง “Lawrence of Arabia” ในปี ค.ศ.1963 ซึ่งสามารถกวาดรางวัลออสการ์ได้ถึง 7 รางวัล รวมถึงภายยนตร์ชื่อดังอื่น ๆ อีก เช่น Transformers 2: Revenge of the Fallen (ฉากที่ใช้สื่อว่าเป็นประเทศอียิปต์) หรือ The Martian ที่สมมติเนื้อเรื่องทั้งหมดว่าคือดาวอังคาร ปัจจุบัน วาดิ รัม เป็นอุทยานแห่งชาติของ จอร์แดน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO)

• ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) 

เป็นทะเลที่ไม่มีวันจม เพราะมีความเค็มที่สุดในโลก อยู่ตรงเขตแดนของประเทศจอร์แดน อิสราเอล และรัฐปาเลสไตน์ มีจุดเด่น คือทุกคนสามารถลอยน้ำได้โดยไม่ต้องใส่เสื้อชูชีพ หรือไม่จำเป็นต้องว่ายน้ำเป็น เพราะทะเลสาบเดดซีมีความหนาแน่นและความเข้มข้นของเกลือสูง จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย

• ยอดเขาเนโบ (Mount Nebo)

ยอดเขาเนโบ (Mount Nebo) เชื่อกันว่าเป็นหลุมฝังศพของโมเสส จึงก่อสร้างโบสถ์ พิพิธภัณฑ์ หินแกะสลักขนาดใหญ่หรือ Kuffer Abu Badd เพื่อเปิดปิดถ้ำยุคไบเซนไทน์ และจำลองไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์คู่กายของโมเสส ไว้จุดสูงสุดของยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิวแบบพานอรามา มองได้ไกลสุดลุกหูลุกตา เมื่อยืนอยู่บนยอดเขาจะมองไปเห็นดินแดนแห่งพันธะสัญญา THE PROMISED LAND ที่โมเสสเคยเห็นบนยอดเขานี้

• เจราช (Jerash) 

เจราช หรือ เมืองพันเสา หรืออีกชื่อที่เรียกกันว่า ปอมเปอีแห่งตะวันออก คือหนึ่งในเมืองโบราณที่มีสถาปัตยกรรมโรมันที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการอนุรักษ์อย่างดีที่สุดบนถนนอาณานิคม (Collonaded Street) ยังมีสถาปัตยกรรมโรมันให้เราได้ชมอย่าง ห้องอาบน้ำ โรงละคร พลาซ่า และซุ้มประตู ซึ่งยังอยู่ในสภาพสวยงามสมบูรณ์ ภายในกำแพงเมืองที่เหลืออยู่ นักโบราณคดีได้พบซากปรักหักพังของการตั้งถิ่นฐานของอารยธรรมมนุษย์ ย้อนหลังไปถึงยุคหินใหม่เป็นเวลานานกว่า 6,500 ปีเลยทีเดียว

สอบถามเพิ่มเติม (Click)