จอร์เจีย
นิวซีแลนด์
ทัวร์ อียิปต์
มัลดีฟส์
โอมาน
ดูไบ
ทัวร์ จอร์แดน
ออสเตรเลีย

10 ไฮไลท์เที่ยวซาอุดิอาระเบีย

ซาอุดี อาระเบีย (Saudi Arabia) เป็นรัฐอาหรับในเอเชียตะวันออกกลาง ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในโลกอาหรับ ภูมิประเทศส่วนใหญ่ประกอบด้วยทะเลทราย ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนซาอุดีอาระเบียจะไม่ได้เปิดให้กับนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่มุสลิมเท่าไรนัก แต่ปัจจุบันที่นี่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากตะวันตกมากขึ้น เที่ยวชมทะเลทรายและชายฝั่งทะเลอันน่าทึ่ง เมืองอันทันสมัย และโบราณสถานต่าง ๆ สัมผัสวัฒนธรรมอาหรับที่ผสมผสาน กับประวัติศาสตร์ของชาวเบดูอิน 10 ไฮไลท์เที่ยวซาอุดิอาระเบีย มีที่ไหนที่น่าสนใจบ้างมาดูกัน

10 ไฮไลท์เที่ยวซาอุดิอาระเบีย

10 ไฮไลท์เที่ยวซาอุดิอาระเบีย

1. มักกะห์ อัล มูกัรรามะห์ (Makkah al – Mukarramah)
มักกะห์ อัล มูกัรรามะห์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า มักกะห์ (Makkah) เป็นเมืองที่ชาวมุสลิมจะต้องเดินทางไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อประกอบพิธีฮัจย์อีกทั้งยังจะเป็นโอกาสที่ชาวมุสลิมทำพิธีละหมาดในสถานที่ที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนาอิสลามและเป็นการปฏิบัติตามหลักศาสนบัญญัติให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้ง 5 ประการอีกด้วย

2. เมืองโบราณเฮกรา (Hegra Historical City)
เมืองโบราณเฮกรา หรือ มาดา’อิน ซาเลห์ (Mada’in Saleh) เป็นเมืองแห่งอารยธรรมยุคราช อาณาจักรแนบาเทีย (Nabataean Kingdom) ถือเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกของ ซาอุดีอาระเบีย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2008 และเป็นสถานที่ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในอัลอูลา ตัวเมืองโบราณเฮกรามีพื้นที่ 52 เฮกตาร์ มีหลักฐานว่ามีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อกว่า 2,200 ปีก่อน และเจริญรุ่งเรืองสุด ๆ ในช่วง 200 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง 200 ปีหลังคริสตกาล ส่วนปัจจุบันสิ่งที่หลงเหลือเป็นมรดกที่ชวนตื่นตา ได้แก่ สถาปัตยกรรมสลักหินหรือภูเขาหินซึ่งกระจัดกระจายอยู่กลางทะเลทราย สันนิษฐานว่าสถาปัตยกรรมสลักจากหินเป็น “สุสานของชนชั้นปกครอง” สมัยอาณาจักรแนบาเทียและที่น่าทึ่งก็ทีสุสานเหล่านี้มีมากกว่า 111 แห่ง แต่ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มีราว 94 แห่ง โดดเด่นด้วยการตกแต่งสลักเสลาลวดลายหน้าประตูบนภูเขาหินทรายขนาดใหญ่อย่างวิจิตร

3. สุสานของบุตรแห่งคูซา (Tomb of Lihyan Son of Kuza)
สุสานของบุตรแห่งคูซา หรือฉายา ปราสาทแห่งความเดียวดาย (The Lonely Castle แปลจากภาษาอาหรับ Qasr Al Farid) ถือเป็นไฮไลต์ของสุสานหินที่สลักจากภูเขาหินทรายทั้งลูก เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมแบบแนบาเทีย (Nabataean อารยธรรมที่สร้างนครเพตรา) ที่โดดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ในอาณาบริเวณของเมืองมรดกโลกเฮกรา จากปริศนาในกรรมวิธีการสลักเสลาหน้าผาหินจากส่วนบนลงล่าง เป็นสุสานของชนชั้นผู้ปกครอง ในยุคอารยธรรมของชาวนาบาเทียนและชาวลิยัน ช่วงอาณาจักรแนบาเทียและลิยันรุ่งเรือง จุดนี้ยังเป็นแลนด์มาร์กของการท่องเที่ยวที่ในบางโอกาสมีการจัดแสดงแสงสีเหนือสุสานให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นไฮไลต์ของทัวร์มรดกโลกเมืองโบราณเฮกราด้วย

4. ประติมากรรมแท่งหินทราย (Rock Formations)
ในอาณาเขตอัลอูลามีงานประติมากรรมขนาดใหญ่เป็นแท่งหินทรายขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และกระจายอยู่กลางทะเลทราย ประติมากรรมหินทรายเหล่านี้เกิดจากการกัดกร่อนตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นลม ฝน น้ำแดด จนได้เป็นรูปทรงแปลกตาชวนให้จินตนาการ และบางส่วนก็เป็นจุดตั้งแคมป์สำหรับนักท่องเที่ยว ไฮไลต์คือ หินรูปช้าง (Elephant Rock) หรือในภาษาอาหรับเรียกว่า Jabal AlFil ที่รูปร่างเหมือนช้างขนาดใหญ่สูง 52 เมตร เป็นจุดถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่อลังการมาก หรืออย่าง หินรูปทรงซุ้มโค้ง (The Arch) เป็นหินที่เป็นซุ้มประตูโค้งสามารถเดินลอดด้านล่างได้ แต่อีกมุมก็มองเหมือนเส้นโค้งกำลังทอดยาวพาดผ่านท้องฟ้าเหมือนรุ้งกินน้ำจึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าหินสายรุ้ง (Rainbow Rock) นอกจากนั้นยังมี หินเต้นระบำ (Raqasat หรือ Dancing Rocks) อยู่ที่ Ragasat Valley มีลักษณะเป็นหินกลางทะเลทรายที่ถูกลมและน้ำกัดกร่อนแบบแกรนด์แคนยอน ลักษณะของแท่งหินสูงที่เรียงรายกันเองเอียงเหมือนท่าทางคล้ายคนกำลังเต้นรำอยู่กลางหุบเขา

5. หมู่เกาะฟาราซาน (Farasan Islands Reserve)
เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทางทะเล และชายหาดที่สวยจนต้องตะลึง เป็นจุดที่เหมาะที่สุดที่จะเริ่มดำน้ำสกูบา ดำน้ำ liveaboard และดำน้ำดูปะการัง นักดำน้ำจะพบกับซากเรือ Boiler Wreck ที่มีชื่อเสียงล้อมรอบด้วยปะการังสีแดงที่โด่งดังของทะเล Red Sea

6. โอเอซิสอัล อะห์ซา (Al Ahsa Oasis)
โอเอซิสอัล อะห์ซา อยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรอาระเบีย ในโอเอซิสประกอบด้วยสวนปาล์ม คลอง น้ำพุ บ่อน้ำ ตลอดจนอาคารบ้านเรือน ตั้งแต่ยุคหินใหม่มาจนถึงปัจจุบัน โดยยังสามารถมองเห็นแหล่งโบราณคดี ทั้งมัสยิด บ่อน้ำ คลอง และระบบการจัดการน้ำ รวมถึงต้นปาล์มหว่า 2.5 ล้านต้น ซึ่งนับเป็นโอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีลักษณะเด่นในเรื่องภูมิวัฒนธรรม และเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในปี 2018

7. หมู่บ้านมรดกอัลอูลา
หมู่บ้านมรดกอัลอูลา เป็นหมู่บ้านที่บ้านดินที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีสุดในโลก นักโบราณคดีเชื่อว่ากว่า 800 หลังมีอายุอย่างน้อย 2,000 ปี นอกเหนือจากหมู่บ้านมรดกอัลอูลา นักท่องเที่ยวยังสามารถแวะไปที่ พิพิธภัณฑ์อัลอูลา เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมือง วัฒนธรรมอิสลาม และพืชพื้นเมืองในฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดิอาระเบีย

8.  ศูนย์กลางการวิจัยทางโบราณคดี และการอนุรักษ์ (The Kingdoms Institute)
The Kingdoms Institute ศูนย์กลางทางโบราณคดีแห่งใหม่ของโลก จัดตั้งขึ้นด้วยการสนับสนุนจาก Royal Commission for AlUla (RCU) ได้รับการจัดตั้งขึ้นให้เป็นศูนย์กลางทางวิทยาศาสตร์ระดับโลกสำหรับการวิจัยทางโบราณคดี และการอนุรักษ์ โดยมุ่งศึกษายุคประวัติศาสตร์ และยุคก่อนประวัติศาสตร์ของคาบสมุทรอาหรับ รวมทั้งอนุรักษ์มรดกตกทอดในฐานะจุดเชื่อมสามทวีป ได้รับแรงบันดาลใจจากบทบาทของเมืองอัลอูลาในฐานะจุดตัดทางวัฒนธรรม รวมถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการค้าโลก โดยจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางวิชาการและแหล่งรวมวัฒนธรรมทั้งองค์ความรู้ การสำรวจ และแรงบันดาลใจ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในเสาหลักของโครงสร้างพื้นฐานทางวัฒนธรรมในเมืองอัลอูลา

9. หมู่บ้านศิลปะ (Al Muftaha)
หมู่บ้านที่เกิดจากการปะทะกันระหว่างความดั้งเดิมกับความเป็นสมัยใหม่ ย่านศิลปะสีสันหลากหลายที่มีภาพจิตกรรมฝาผนังและผลงานสร้างสรรค์ของนักเรียนศิลปะท้องถิ่นรวมกันอยู่ในรั้วกำแพงผาสุกของหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ช่วงกลางปี ค.ศ. 1700 นักท่องเที่ยวสามารถเดินลัดเลาะหมู่บ้านเพื่อชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมและงานศิลปะไปพร้อม ๆ กัน

10. มารายาคอนเสิร์ตฮอลล์ (Maraya Concert Hall)
Maraya Concert Hall คืออาคารกระจกเงาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งแฝงตัวอยู่ท่ามกลางทะเลทราย Arabian พื้นผิวอาคารถูกห่อหุ้มด้วยกระจกเงา UltraMirror ที่พัฒนาโดย Guardian Glass ซึ่งสะท้อนภาพทิวทัศน์โดยรอบลงบนพื้นผิวภายนอกของอาคาร สร้างภาพลวงตาเสมือนอาคารหายไปในสภาพแวดล้อม Maraya โดดเด่นด้วยตัวอาคารรูปทรงกล่องลูกบาศก์ติดกระจกทั้งหลัง มีพื้นที่ 9,740 ตารางเมตรและได้รับการบันทึกจากกินเนสส์บุ๊กเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 ให้เป็นอาคารกระจกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และด้วยความที่ตัวอาคารติดกระจกใสทั้งหลังตั้งอยู่กลางทะเลทรายที่มีแต่พื้นทราย และภูเขาหินน้ำตาลแดง Maraya จึงไม่ต่างจากชิ้นงานศิลปะอินสตอเลชันอาร์ตที่สะท้อนเงาของทิวทัศน์ภูเขาแท่งหินที่อยู่รายรอบ ด้านในอาคารยังเป็นสถานที่สำหรับจัดแสดงงานศิลปะ คอนเสิร์ตรองรับได้ 550 ที่นั่งโดยศิลปินระดับสากลที่เคยจัดแสดงที่นี่ได้แก่อันเดรอาโบเชลลี (Andrea Bocelli) ไลโอเนลริชชี (Lionel Richie) และยานนี (Yanni) นอกจากนี้ยังรองรับการจัดงานประชุมระดับโลก รวมถึงรับจัดงานแต่งงานในระดับวีไอพี นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไฟน์ไดนิงสุดหรูถึง 3 ร้านอยู่ในอาคาร ส่วนชั้นดาดฟ้าเปิดโล่งรับลมทะเลทราย สามารถมองเห็นวิวธรรมชาติของอัลอูลาได้สุดสายตา และเห็นดาวเต็มฟ้าเหนือทะเลทรายในยามค่ำคืน

10 ไฮไลท์เที่ยวซาอุดิอาระเบีย
10 ไฮไลท์เที่ยวซาอุดิอาระเบีย

follow us on Social Media

Related Tours

แกรนด์อียิปต์ล่องเรืออัสวาน ลักซอร์ ไคโร

อัสวาน ลักซอร์ ไคโร
10 วัน 7 คืน
139,000 ฿

จอร์เจีย 9วัน6คืน

จอร์เจีย
9 วัน 6 คืน
56,000 ฿

จอร์เจีย 8วัน5คืน

ทบิลิซิ สเตฟานสมินดา บอร์โจมิ
จอร์เจีย 8 วัน 5 คืน
53,000 ฿

จอร์เจีย 6 วัน 3 คืน

จอร์เจีย
6 วัน 3 คืน
34,500 ฿

Related Articles

ซีวา โอเอซิส (Siwa Oasis)

โอเอซิส เป็นระบบระบบนิเวศที่สำคัญในธรรมชาติที่เกิดขึ้นท่ามกลางทะเลทรายที่ เป็นแหล่งให้พืชเติบโต และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ได้...
February 14, 2023

อียิปต์ ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด

จากเหตุการณ์ความไม่สงบใน ประเทศ อี ยิปต์...
February 14, 2023

โรงแรมวิวพีระมิดในไคโร

แน่นอนว่าหากเราเดินทางไปเที่ยวที่ไหนแล้ว จะต้องอยากนอนโรงแรมดี ๆ วิวสวย...
February 14, 2023

Sign Up for

Our Newsletter

Subscribe to us to always stay in touch with us and get the latest news
about our company and all of our activities!