Attractions

แม่น้ำไนล์ (Nile River) เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก ยาวถึง 6,650 กิโลเมตร เกิดจากการรวมตัวของแม่น้ำสายใหญ่ 2 สายคือ แม่น้ำบลูไนล์ (Blue Nile) และแม่น้ำไวท์ไนล์ (White Nile) ไหลไปบรรจบที่เมืองคาร์ทูม (เมืองหลวงของซูดาน) และไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือของกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ แม่น้ำไนล์ไหลผ่านกว่า 10 ประเทศ ในแถบทวีปแอฟริกา จนทำให้เกิดอารยธรรมโบราณขึ้นมากมาย และยังสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับพื้นที่แถบนั้นด้วย เป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมในอียิปต์ตั้งแต่ยุคหิน มีอายุกว่า 5,000 ปี เรียกได้ว่าเป็นแม่น้ำสายชีวิตของชาวอียิปต์เลยก็ว่าได้ เพราะประเทศอียิปต์ใช้น้ำจืดจากแม่น้ำไนล์เป็นหลัก ปริศนาแห่งแม่น้ำไนล์ (Nile River) โดยปกติแล้วแม่น้ำมักจะต้องเปลี่ยนทิศทางการไหลไปบ้างตามกาลเวลา เนื่องจากเกิดความเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศหรือภูมิอากาศ แต่แม่น้ำไนล์ (Nile River) นั้นกลับไหลอย่างคงที่ในเส้นทางเดิมได้ยาว นานเรื่มจากภูเขาสูงในเอธิโอเปีย ลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ปากแม่น้ำในอียิปต์ จากงานวิจัยนวารสาร Nature Geoscience กล่าวไว้ว่าแม่น้ำไนล์ที่ลักษณะลาดเอียงจากทิศใต้ไปยังทิศเหนือและสามารถจะคงตัวอยู่ได้ด้วยระบบการไหลเวียนของเนื้อโลกหรือแมนเทิล (Mantle) แบบพิเศษ โดยการสำรวจทางธรณีวิทยาและการใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์พบว่า ส่วนของเนื้อโลกข้างใต้แม่น้ำไนล์มีระบบการไหลเวียนที่แยกจากส่วนอื่น ๆ โดยรอบ ทั้งรูปแบบการไหลเวียนก็คงที่ไม่เปลี่ยนแปลงมานานหลายสิบล้านปี นอกจากนี้ ทีมผู้วิจัยยังพบหินภูเขาไฟชนิดเดียวกับที่พบบริเวณต้นน้ำในแถบเขาสูงของเอธิโอเปีย […]

มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) ถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่น ลึกลับ งดงาม และยังสะท้อนถึงอารยธรรมของชาวอียิปต์โบราณได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านศาสนา และความเชื่อ ด้านสังคมวัฒนธรรม การเมืองการปกครอง และที่สำคัญที่สุดคือความเพียรพยายาม และความอดทนของชาวอียิปต์ที่พยายามสร้างสรรค์ และแกะสลักจากหินก้อนใหญ่กลายเป็นสถาปัตยกรรมระดับโลกจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความเชื่อเกี่ยวกับมหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า สฟิงซ์เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของกษัตริย์ หรือเป็นสัตว์ที่ชาญฉลาด มีพลังเพื่อปกป้องพระศพ และทรัพย์สมบัติภายในพีระมิด และนอกจากสฟิงซ์จะมีหน้าที่เฝ้าพีระมิดแล้ว บริเวณรอบ ๆ ด้านหลัง และทุกด้านของสฟิงซ์มีพื้นที่ที่เรียกว่า นครมรณะ ซึ่งนครมรณะประกอบไปด้วยอาณาบริเวณที่คลอบคลุมผืนทรายทางใต้ ทางตะวันตก และทางเหนือของสฟิงซ์ ซึ่งเป็นบริเวณที่ถูกขุดเจาะเป็นโพรง เพื่อใส่โลงหินที่บรรจุร่างของพระราชวงศ์ ขุนนาง และนักบวชชั้นสูงโดยผ่านกรรมวิธีการทำมัมมี่มาแล้ว สฟิงซ์จะคอยทำหน้าที่ขจัดวิญญาณชั่วร้ายให้พ้นจากหลุมศพเหล่านั้นด้วย มหาสฟิงซ์ เป็นรูปสฟิงซ์แกะสลักด้วยหินขนาดใหญ่ที่สุดในอียิปต์ มีลำตัวเป็นสิงโต มีหัวเป็นมนุษย์ ตั้งอยู่บริเวณบรรดาพีระมิดทั้ง 3 แห่งของกีซา อยู่ในท่าหมอบเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ กับพีระมิดคาเฟร โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีความยาววัดจากหัวถึงหางกว่า 240

ประเทศอียิปต์เป็นประเทศหนึ่งที่มีความเก่าแก่และมีอิทธิพลด้านอารยธรรมมากของโลก เป็นศูนย์รวมต้นกำเนิดอารยธรรมและวัฒนะธรรมต่าง ๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นอารยธรรมกรีก โรมัน อีกสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับประเทศอียิปต์มาตั้งแต่โบราณก็คือพีระมิด ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานของฟาโรห์ ภายในพีระมิดจะบรรจุข้าวของเครื่องใช้ อาวุธ ทรัพย์สินเงินทอง และสิ่งของต่าง ๆ ไว้มากมายเพื่อให้ฟาโรห์ได้ใช้ในชีวิตหลังความตายอย่างสุขสบาย ความยิ่งใหญ่ของพีระมิดจะขึ้นอยู่กับบารมีของฟาโรห์องค์นั้น ๆ พีระมิดสิ่งก่อนสร้างอันกับแรก ๆ ของโลกที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าสร้างขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากมีความสูงมากและหินที่ใช้สร้างมีน้ำหนักมากเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถยกได้ ทำให้ยังเป็นปริศนามาถึงปัจจุบัน พีระมิดที่อยู่คู่กับอียิปต์มาจนถึงปัจจุบันและมีการเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้เข้าชมคือ มหาพีระมิดแห่งกีซ่า (The Great Pyramid of Giza) ความเป็นมาของมหาพีระมิดแห่งกีซ่า (The Great Pyramid of Giza) มหาพีระมิดแห่งกีซ่า (The Great Pyramid of Giza) ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของแม่น้ำไนล์ อายุกว่า 5,000 ปี เป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ แต่เดิมสุสานฟาโรห์ไม่ได้เป็นทรงพีระมิดแบบในปัจจุบัน เป็นเพียงการขุดหลุมเป็นทรงสี่เหลี่ยมหรือวงรี แล้วฝังศพพร้อมข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ต่อมาจึงพัฒนามาเป็นทรงสี่เหลี่ยมคางหมู เพราะขยายขนาดห้องภายในได้กว้างขึ้น ใส่ของได้มากขึ้น จากนั้นจึงกลางมาเป็นพีระมิดในแบบปัจจุบัน

หากเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศใดแล้ว สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือการซื้อของที่ระลึก โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะซื้อสินค้าพื้นเมือง สินค้าที่มีชื่อเสียงของประเทศนั้น ๆ เป็นของฝาก เพื่อเป็นการเก็บความทรงจำของตัวเองในสถานที่ที่ไป หรือเพื่อแสดงความคิดถึงและแบ่งปันความทรงจำต่อผู้ได้รับ ซึ่งแต่ละประเทศจะมีย่านซื้อของฝากชื่อดังที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเยี่ยมเยียน ในประเทศอียิปต์ก็มีเช่นกัน นั่นก็คือ ตลาดข่าน เอล คาลิลี่ (Khan El Khalili Bazaar) ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดเก่าแก่ในเมืองไคโรประเทศอียิปต์ มีร้านค้ากว่า 1,500 ร้าน ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ๆ ถ้าเทียบกับประเทศไทยแล้วตลาดแห่งนี้จะคล้าย ๆ กับตลาดจัตุจักรบ้านเรา เมื่อได้เดินเข้าไปแล้วเราจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นอาหรับเฉพาะตัว เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะมีการร้องเรียก สั่นกระดิ่ง หรือแม้แต่การโชว์กายกรรมเล็ก ๆ เพื่อดึงดูความสนใจของนักท่องเที่ยวให้แวะเลือกแวะซื้อของร้านตน หรือถ้าเดินไปแล้วถูกทักทายว่า “หนีห่าว” ไม่ต้องแปลกใจ เพราะคนอียิปต์เข้าใจว่าคนเอเชียเป็นคนจีน จึงมักจะกล่าวทักทายนักท่องเที่ยวเอเชียเป็นภาษาจีน เพื่อเป็นการหยุดนักท่องเที่ยวให้หันมาสนใจในสิ่งที่ตนจะนำเสนอ หากใครจะเดินทางมาที่นี่ควรเผื่อเวลาไว้เยอะ ๆ จะได้มีเวลาเลือกซื้อสินค้าที่มีมากมายระรานตา ถ่ายรูปและท่องเที่ยวในสถานที่ใกล้เคียงได้อย่างเต็มที่ รับรองว่าจะได้รับความประทับใจและรูปถ่ายสวย ๆ ไว้ลงอวดในโซเชียลอย่างแน่นอน ประวัติความเป็นมาตลาดข่าน เอล คาลิลี่ (Khan El Khalili Bazaar) ตลาดข่าน เอล